วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

Review ส่งท้าย Kawasaki KSR น้ำเงิน ลาย 5


ณ วันนี้เป็นที่แน่นอนแล้วนะครับ ว่า KSR รุ่นใหม่จะมา และคาดว่าคงจะมีการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควร แต่จะที่ไหนเมื่อไหร่ยังไงนั้น เป็นเรื่องที่เราจะต้องดูกันต่อไปครับ

วันนี้ผมจึงจัดการทำ Review ส่งท้ายการตกรุ่นครับ อิอิ ไปกันเลยครับ

  เจ้าน้ำเงินสำหรับผมนี่เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรครับ เนื่องจากหายากมาก และผมซื้อช่วงเดือน กรกฎาคม ที่่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีการปั่นราคากันอย่างรุนแรงเพราะว่า บริษัทได้หยุดผลิตเนื่องจากรถไม่ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 6 ทำให้รถขาดตลาดเป็นอย่างมาก บางร้านใน กทม ปั่นราคากันไปจนขายสดทะลุหลัก 70,000 บาท
   ในที่สุดผมจึงตัดสินใจนั่งรถทัวร์ไปซื้อที่ หลังสวน ชุมพรครับ ในราคา 60,500 รวม ทบ พรบ และขับกลับ กทม มาเลย

ภายนอกของรถ




รูปลักษณ์ทั้งหมดโดยทั่วไป จะออกแนวโบราณๆ นิดๆ ครับ เนื่องจาก การปรับโฉมใหญ่ครั้งสุดท้ายของ KSR อยู่ราวๆประมาณยุค 90 ต้นๆ มาจนถึงวันนี้เกือบ 20 ปีแล้วครับผม  แสงไฟที่เห็นในรูปไม่ใช่หลอดเดิมแล้วนะครับ ผมเปลี่ยนเพราะว่ามันหลอดเดิมมันไม่ค่อยสว่าง เลยเปลี่ยนเป็น Osram Silverstar สว่างกว่าเดิมเยอะเลย ผมมีการโมดิฟายตัวโคมเล็กน้อย เพื่อให้มันทนความร้อนได้มากขึ้น และไม่ละลายครับ วันหลังถ้ารื้อโคมเดี๋ยวถ่ายมาให้ดูครับ




  

 โช๊คหน้า Upside Down แบบรถ Big Bike ครับ ยางเป็น Tubeless Radial เวลาปะยางสะดวกมากครับ ใช้ตัวหนอนแทงแป็บเดียวเสร็จ


USD ชัดๆครับ


Disc Brake หน้า 1 pot ครับ สัมปทานโดย Nissin ครับ

สำหรับเครื่อง KSR นี้ ใช้เครื่องร่วมกันกับ kaze hit 110 และ cheer 110 มีบางชิ้นส่วนเท่านั้นที่ใส่กันไม่ได้ นอกนั้นใช้ด้วยกันได้เกือบทั้งหมด เป็นเครื่องคาร์บูครับ

เครื่องฝั่งซ้ายครับ ระบบเกียร์ของ KSR จะเป็นงัดขึ้นเพิ่มเกียร์ กดลงลดเกียร์ครับ



KSR ไม่มีเกจ์วัดน้ำมันนะครับ ใช้ระบบก๊อก 1 ก๊อก 2 เหมือนรถโบราณครับ 

โช๊คหลัง Mono Shock สปริงแดงสดใส




 ปั้มกระทุ้ง และ Disc Brake หลังขนาด 1 pot  Nissin รับสัมปทานไปเช่นเคย




โซ่และสเตอร์ครับ เบอร์ 420 ข้อสังเกตอีกอย่างนึงของ KSR คือ อะไหล่หลายชิ้นมากๆ ที่ made in Japan เหตุผลน่าจะมาจากก่อนที่จะมาประกอบในเมืองไทย เคยประกอบในญี่ปุ่นมาก่อน จึงอาจจะใช้อะไหล่ที่ผลิตในญี่ปุ่น อย่างในรูปนี้ ตัวบังโซ่นั้น Made in Japan ครับ เลอะๆหน่อยนะครับ เพราะว่าสเปยร์ฉีดโซ่หมด เลยน้ำน้ำมันเกียร์มาหยอด เลยกระเด็นอย่างที่เห็นครับ 


ท่อไอเสียขนาดน่ารัก และที่สำคัญเสียงเบามากๆครับ 

ไฟท้ายครับ ขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจน ปลอดภัยครับ





เมื่อเปิดเบาะออกมาจะเจอกับ แบตเตอรี่ Canister และช่องเก็บเครื่องมือครับ แทบไม่เหลือที่ไว้ใส่อะไรได้อีกแล้ว









ลองมาดูหน้าปัดกันมั่งครับ ไมล์ KSR ค่อนข้างจะตรงมากครับ ไม่อ่อนเหมือนกับมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไป 

กุญแจครับ ลายที่เห็นด้านหลังคือลายของเบาะครับ


ประกับไฟด้านซ้ายครับ หน้าตาโบราณๆ 

ประกับไฟฝั่งขวา สวิทซ์ Off - Run ครับ

กุญแจล๊อคคอ พร้อมฝาปิดครับ

ภาพด้านหลังเต็มๆครับ


ความรู้สึกในการขับขี่

 ในเรื่องของการทรงตัวทำได้ดีเลยครับ หน้ารถกำลังดีไม่หนักไม่เบา จะมีติอยู่นิดนึงคือ การเซ็ตช๊อคอัพที่ค่อนข้างยวบไปหน่อย แต่สำหรับคนที่ชอบขี่แบบสบายๆ นุ่มๆ น่าจะชอบครับ ท่านั่งเป็นการนั่งแบบตัวตรง ขับแล้วไม่เมื่อย

การเบรกเหนียวแน่นหนึบมาก ที่ชอบมากๆคือ เบรกหลังทำมาได้กำลังดีไม่มากไม่น้อย ต้องกระแทกแบบสุดแรงถึงจะล้อหลังล๊อค  เบรกหน้าตอบสนองได้ดี เบรกได้อย่างมั่นใจครับ 

ความแรงของเครื่อง ค่อนข้างไปในแนวเนิบๆ ไม่มีกระชากหรือดึงแรงๆ ถ้าอยากขับสนุกๆต้องคอยลดเกียร์เล่นกันในรอบสูงๆอย่างเดียวครับ   ในรอบต่ำนั้น รถจ่ายตลาดธรรมดานี่เอง 

อีกเรื่องหนึ่งคือเวลาไปไหนมาไหน จะเป็นจุดสนใจมาก ดึงดูดทั้งเด็ก คนแก่ ผู้หญิง ผู้ชาย และโจร อิอิ อันแล้วแต่ครับ ว่าชอบหรือไม่ชอบ

สรุป ข้อดี ข้อเสีย
ข้อดี

  •  เป็นรถลุยๆ คันเล็กน่ารัก สามารถขับไปได้ในทุกที่
  • สามารถใช้อะไหล่ ร่วมกับ Kaze หรื Cheer ได้ ทำให้หาอะไหล่ไม่ยากและไม่แพงมาก
  • ประหยัดน้ำมัน 50km/L 
  • เป็นจุดสนใจของคนทั่วไป  
  • การทรงตัวทำได้ดี 
  • ถังน้ำมันขนาดใหญ่ 7 ลิตร
ข้อเสีย

  • ไม่มีที่พักเท้าคนซ้อน และเบาะเล็กซ้อนลำบาก
  • เครื่องไม่แรง ไม่ต่างจากรถจ่ายตลาดมากนัก
  • ราคาค่อนข้างแพง
  • เป็นจุดสนใจของคนทั่วไป

สรุป

เป็นรถแนวๆ ที่ฉีกออกจาก รถมอเตอร์ไซค์ ทั่วๆไปในบ้านเราครับ ขับคล่องตัวมาก เหมาะสำหรับการใช้ในเมือง อุปกรณ์ที่ติดรถมาคุณภาพดีมาก ของแต่งของเล่นมีมากมายให้เลือกซื้อ เลือกแต่ง อย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ จนกว่าจะได้ลองเอง ^_^

1 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

    ตอบลบ