เปิดตาขึ้นและมองไปรอบๆ
เราคงจำตัวอย่างของการล๊อคเป้าหมายได้ เมื่อเราผูกสายตาของเราติดกับอะไรบางอย่างที่เราต้องการจะหลบหลีก เช่น หลุมกลางถนน ก้อนหินหรือเส้นถนนที่ยังไม่แห้งและในที่สุดก็ขับทับมันไปราวกับว่า เราไม่สามารถขยับแฮนด์ได้ มีเหตุการณ์ในการแข่งมากมายที่ นับขับที่ขับตามผู้นำจะหลุดออกจากโค้งที่ ผู้นำหลุดออกไป ทั้งๆที่ผู้ตามน่าจะเข้าโค้งนั้นได้ง่ายกว่า หรือ อีกตัวอย่างนึงคือ เมื่อเราขับขี่บนถนน และมองถนนเพียงด้านเดียวคุณจะพบว่ารถคุณจะค่อยๆเบี่ยงไปในทางที่คุณมอง ทั้งหมดนี้ คือ ตัวอย่างของการมองแบบ ล๊อคเป้าหมาย ร่างกายของคุณและรถจะไปตามตาของคุณ ในการขับขี่ แบบสปอร์ตนั้น คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนลักษณะการมองให้มีลักษณะที่ถูกต้องและโฟกัสในจุดที่คุณจะเข้าไป คุณจำเป็นต้องมองหาทางที่จะให้รถนั้นผ่านไป การล๊อคเป้าหมายนั้นก็ถือว่าใช้ได้ก็ต่อเมื่อคุณเลือกเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง
เมื่อมีรถกำลังเลี้ยวซ้ายตัดหน้าคุณ จงมองหาทางที่จะหลบไม่ใช่มองตรงกันชนของรถ เมื่อมีทรายอยู่ที่มุมก่อนเข้าโค้ง จงมองหาช่องที่มีทรายน้อยที่สุด ถ้าคุณขับขี่อยู่บนเขาจงอย่ามองวิวสวยงามรอบข้าง มีสมาธิกับการมองถนน จงใช้สายตาเพื่อนำทางให้รถไปในทางที่คุณอยากให้มันไป
การใช้สายตาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกช่องที่จะให้รถของคุณผ่านไปได้ คุณต้องจัดระเบียบ การมองของคุณให้เป็นการมองในช่องที่คุณต้องการจะไป มองหาช่องที่จะออก มองหาช่องที่ปลอดภัยที่สุด ฟังดูแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ที่ความเร็ว 80 km/h มันเป็นเรื่องที่ท้ายทายทีเดียว
การใช้สายตาเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับนักขับในแง่ของความปลอดภัยกับการเอาตัวรอด การแปลความหมายของสิ่งที่สายตากำลังบอกคุณอยู่นั้น แตกต่างกันอย่างมากระหว่างนักขับหน้าใหม่กับนับขับที่มีประสบการณ์ ใช้สายตาของคุณให้ถูกต้อง แล้วคุณจะปลอดภัยขึ้นและเร็วขึ้น
จงอย่ามุ่งความสนใจไปยังรถคันหน้าที่คุณกำลังตามอยู่ ไม่ว่าคุณกำลังอยู่บนถนน หรือ อยู่ในสนามแข่ง คุณต้อง โฟกัสไปในช่องที่คุณอยากให้รถไป หรือ หาวิธีที่จะหลบ หลีกสิ่งกีดขวางด้านหน้า
ถ้าคุณล๊อคสายตาไว้ที่จุดๆเดียว คุณกำลังทำให้ ตัวเองตกอยู่ในอันตรายจากสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นจงมองให้ทั่วถึง นักขับส่วนใหญ่ยังมีความไวในการมองไม่เพียงพอ
การหลบหลีกสิ่งกีดขวางด้านหน้า มีขั้นตอนที่ จำง่ายๆ 3 ขั้นตอน คือ “ SEE ” S ตัวแรกคือ Search มองกวาดสายตาอย่างสม่ำเสมอ ค้นหา สิ่งที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาในการขับขี่ E ตัวแรก คือ Evaluate มีสิ่งไหนรอบข้างคุณที่อาจก่อ ให้ เกิดปัญหาหรือไม่ การค้นพบปัญหาล่วงหน้าจะทำให้คุณมีเวลาในการหาหนทางแก้ไขได้มากขึ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไม ลักษณะนิสัยการใช้สายตา ที่ดีถึงมีความสำคัญ E ตัวสุดท้าย คือ Execute นำการตัดสินใจที่ได้มาใช้ โดยผ่านการควบคุมรถ ที่รวดเร็ว ต่อเนื่องไม่ติดขัด
สมาธิและการฝึกฝน
บางครั้งในการแข่งรถ จะมีรถล้มข้างหน้าเรา มันเกิดขึ้นกับผมหลายครั้งแต่ตัวอย่างที่สุดยอดของเรื่องนี้ เกิดขึ้นในการแข่งรายการ AMA250GP ใน Ohio ตอนกลาง ในขณะนั้น ผมกำลังไล่ตาม Jon Cornwell อยู่ และในที่สุดก็ไล่จนทันใน 2 รอบสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย เรากำลังแย่งตำแหน่งที่ 2 ผมเข้าใกล้รถของเขามาก จนเรียกได้ว่าเกือบจะกระโดดไปซ้อนท้ายได้เลยทีเดียว Jon เข้าโค้งค่อนข้างเร็ว เขาเบรกมากเกินไป ทำให้โช๊คหน้ายุบลง ในขณะที่เขากำลังเอนตัวเข้าโค้งและในที่สุดล้อหน้าก็ล๊อค
ในเสี้ยววินาทีนั้น รถของ Cornwell ซึ่งอยู่ทางด้านขวานั้นก็ล้มลง ผมยังจำได้ว่าผมพยายาม อย่างมากที่จะบังคับสายตาให้มองถนนเพื่อที่จะหาช่องหลบ ซึ่งมันยากมากสำหรับผม พอๆกันกับการ วิดพื้นโดยมีน้ำหนัก 100 kg อยู่บนหลัง ผมมองไปข้างหน้าขณะที่รถของ Jon กำลังล้ม ผมบังคับสายตา ให้มองหาข่องทางออก ผลที่ตามมาคือ ผมสามารถควบคุมรถให้เข้าโค้งตามองศาการเอียงที่ต้องการได้ และในที่สุดผมก็ได้ขึ้นโพเดียม
ตัวอย่างของเรื่องนี้ในการขับขี่บนถนนจริง คือ การขับขี่ไปเป็นกลุ่ม นักขับส่วนใหญ่จะมองไปที่ รถคันที่อยู่ข้างหน้าอาจจะเป็นที่ยางหรือที่หมวกกันน๊อค ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผิด ให้มองเลยรถคันหน้าไป ดูและค้นหาความผิดปกติของถนนและการจราจรด้านหน้า ถ้าคุณขับรถไล่ตามในระยะที่ใกล้มาก ให้คุณมอง เลยรถคันหน้าไป และให้ใช้ความกว้างของสายตาในการรักษาระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างรถ ผมแนะนำให้ คุณทิ้งระยะห่างออกมาจนกระทั่งคุณรู้สึกไม่เครียดในการขับขี่ แต่การขับขี่โดยทิ้งระยะห่างที่เหมาะสมนั้น ก็จะไม่ช่วยให้คุณหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆได้ ตราบใดที่คุณยังมองแต่รถคันหน้าอยู่
มองไปไกลๆ
เมื่อครั้งแรกที่ผมพบกับ Eddie Lawson ในปี 1986 ทีมงานได้เชิญ Eddie ให้มาเขียนเรื่องลงใน หนังสือ Motorcyclist และในวันนั้น ทีมงานเราได้ขับรถกับ Eddie ทั้งนำหน้าและตามหลัง Eddie แต่ส่วน จะเป็นตามมากกว่า ในเวลานั้น Eddie ชนะเลิศการแข่งขันระดับนานาชาติ 2 ครั้ง และ 2 ครั้งในการแข่ง World 500GP มีหนึ่งในจุดที่เขาย้ำกับเราอยู่เสมอนั่นก็คือ มองไปยังถนน
“ นักขับส่วนใหญ่จะมองแค่เลยล้อหน้าของเค้าไปเท่านั้น ” Eddie กล่าว “ และการทำแบบนั้นจะ ทำให้รู้สึกว่าถนนที่ผ่านไปนั้นมันเร็วมาก แต่ถ้าคุณมองให้สูงขึ้นและไกลขึ้น คุณจะรู้สึกว่าทุกอย่างนั้น
ช้าลง ” ตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้คือ ให้ลองนึกถึง การมองรั้วไม้สีขาวที่เป็นซี่ๆขณะขับรถ ถ้าคุณมองตรง ไปยังรั้วนั้น ภาพที่เห็นจะเป็นภาพเบลอๆไม่ชัด แต่ถ้าคุณมองเลยรั้วนั้นไป คุณจะสามารถมองแยกรั้ว นั้นออกเป็นซี่ๆ ได้ คุณกำลังขับขี่ด้วยความเร็วเท่าเดิมแต่คุณ เปลี่ยนแค่ลักษณะใน การมุ่งจุดสน ใจ เท่านั้น จากตัวอย่างนี้คุณจะได้สมการง่ายๆคือ ระยะทางเท่ากับเวลา
ด้วยการมองไปด้านหน้าไกลๆ หรือการมองให้เลยโค้งไป คุณจะรู้สึกว่ารถมีความเร็วลดลง มันจะ ทำให้คุณมีเวลาในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากขึ้น การใช้เทคนิคนั้นการแข่งขันนั้นจะสร้างความแตก ต่างอย่างมากในการขับขี่แบบสปอร์ตของคุณ
“ นักขับที่ไม่ได้มองไปไกลอย่างเพียงพอ จะใช้คันเร่งได้ช้าลงเพราะว่า ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าถึง เวลาที่จะใช้คันเร่งแล้ว เขาได้ขับเลยโค้งออกมาสักพักแล้ว ” Eddie กล่าว
กวาดสายตาอย่างต่อเนื่อง
คุณได้รู้แล้วว่าต้องมองให้สูงขึ้นและไกลขึ้น แต่คำถามต่อมาคือ ไกลแค่ไหนละ ก่อนอื่นคุณจะต้อง ไม่มองไปข้างหน้าตรงๆเป็นแนวนอนเพียงอย่างเดียว เพราะคุณไม่สามารถไว้ใจพื้นถนนว่าจะมี ความราบ เรียบและไม่มีสิ่งกีดขวางได้เหมือนอย่าง ที่นักแข่งในสนามทำ บางครั้งอาจมีเนินหลังเต่า มีทราย คราบน้ำมัน หรือ แม้แต่อย่างอะไหล่หล่นอยู่บนพื้น ดังนั้นคุณต้องมองหาช่องทางออกอยู่เสมอ อย่ามองไปเป็นเส้นตรงเท่านั้น จงมองกวาด สายตาอย่างสม่ำเสมอ ไล่มองตั้งแต่พื้นถนนตรงด้านหน้า ของล้อหน้าไปจนถึงจุดที่ไกลที่สุดที่จะมองเห็น อย่ามองไปข้างหน้าตรงๆเพียงอย่างเดียวจนไม่ได้มอง สิ่งที่อาจจะกีดขวางที่มีโอกาสจะทำให้เกิดอันตรายได้
การฝึกทักษะนี้ให้เชี่ยวชาญนั้นเริ่มจากละสายตา จากการมองแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่งบนนพื้นถนน ใกล้ๆ หรือ มองสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ในโค้ง ตัวอย่างเช่น ขณะที่กำลังเข้าโค้ง คุณก็จะมองหาจุดที่คุณกำลังจะเข้าโค้ง คุณจะคิดว่าจุดนี้แหละเป็นจุดที่ดีที่จะเริ่มเข้าโค้ง อย่างไรก็ตามอย่าใช้สายตามองจุดนี้นานเกินไปบางทีใน โค้งนั้นอาจจะมีอะไรอยู่ข้างในก็เป็นได้ ให้ละสายตาจากการมองจุดที่เข้าโค้ง มองไปยังในโค้ง มองหาจุด สิ้นสุดของโค้ง หรือ มองหาขอบเลนส์ที่จะให้รถเข้าไป จากนั้นเมื่อคุณไปถึงจุดนั้นแล้ว กวาดสายตาอีกครั้ง หนึ่งเพื่อหาทางออกโค้ง จงพยายามหลีกเลี่ยงในการมองจุดใดจุดหนึ่งบนถนน เช่น รอยแตกของถนน ก้อนหินที่อยู่บนถนน
พลังของสายตา
ความกว้างของสายตา คือ ความสามารถในการมองเห็นในจุดอื่นๆ ที่นอกเหนือจากจุดที่เรา โฟกัสอยู่ นี่คือทักษะอย่างหนึ่งที่จะเป็นมากสำหรับนักขับขี่ทุกคน ตั้งแต่การขับไปทำงาน ขับท่องเที่ยว วันหยุด หรือ การแข่งขันในสนาม ความกว้างของสายตานั้นสามารถฝึกได้ ต่อไปนี้เราจะพูดเกี่ยวกับ การมองโดยไม่ล๊อคจุดสนใจ การมองโดยไม่ต้องจ้อง และการเก็บข้อมูลจากการหันหลังเพียงนิดเดียว
แบบฝึกสายตา : ปรับการมอง
แบบฝึกหัดนี้เป็นแบบทดสอบการรับรู้ของความกว้างของสายตาคุณ จะฝึกมันเพื่อให้คุณมองได้ดีขึ้น
- เดินไปบนทางด้าน หน้าตรงมองตรงไปข้างหน้าจากนั้นให้ลองนับรอยแยกบนพื้นที่กำลังจะ ผ่านเท้าคุณไป การทดสอบนี้สำคัญกับนักขับเนื่องจากคุณต้องรับรู้สถานการณ์รอบข้าง (นับรอยแยก) ในขณะที่คุณมองตรงไปข้างหน้า
- มองเข้าไปในกลุ่มของผู้คน หาจุดสนใจไว้จุดนึงและล๊อคสายตาไว้ตรงนั้น พยายามมองดูความ เคลื่อนไหวของคนอื่นๆ โดยใช้ความกว้างของสายตา ความสามารถนี้จะช่วยคุณในตอนที่การ จราจรคับคั่ง คุณสามารถขับไปได้ด้วยการมองด้านหน้า และใช้ความกว้างสายตาในการรับรู้ ความเคลื่อนไหวอื่นๆ เท่าที่ความกว้างของสายตาคุณไปถึง
- เมื่อคุณกำลังดู TV ให้จ้องมองที่มุมของจอ และพยายามดูรายการในทีวี ด้วยความกว้างของสายตา ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ในการขับรถตามรถคันอื่น ให้มองเลยรถคันหน้าไป ( ถ้าขับใกล้กันมากพอ ) และรักษาระยะห่างระหว่างรถด้วยความกว้างของสายตา หลีกเลี่ยงการจ้องมองรถคันหน้าโดยตรง
- หยิบหนังสือมาหนึ่งเล่ม จากนั้นเปิดหน้าได้ก็ได้และปิดอย่างรวดเร็ว คุณอ่านมันได้เท่าไหร่ คุณเห็นภาพอะไรในหน้านั้นบ้าง ทดลองทำและฝึก พยายามจำให้ได้มากที่สุด ทักษะนี้จะมีความ สำคัญเมื่อใช้ในการมองกระจกหลังหรือการเหลียวไปมองด้านหลัง พยายามใช้ความกว้างของ สายตาดึงสิ่งที่เห็นมาให้ได้มากที่สุด ในเวลาที่สั้นที่สุด แน่นอนว่าคุณจะต้องเห็นอะไรที่ชัดเจน มากกว่าด้วยการหันไปมองข้างหลังแบบช้าๆ แต่การขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นคงไม่ สามารถทำแบบนั้นได้ พยายามมองและรับรู้ให้เร็วที่สุดทันทีที่เห็น มันจะช่วยอย่างมากในการ เปลี่ยนเลนส์ในที่การจราจรคับคั่ง
พยายามฝึกแบบฝึกหัดทั้ง 4 ที่ได้กล่าวมากจะช่วยเพิ่มการรับรู้ของความกว้างสายตา
มันจะช่วยเพิ่มความสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ รอบข้างที่อยู่นอกแนวการมองของคุณได้ การเพิ่มทักษะการใช้ ความกว้างของสายตานี้ จะส่งผลอย่างมากต่อการขับขี่ในเมืองซึ่งจะคุยกันในบทที่ 9
ข้อมูลหลักๆของสมองนั้นมาจากดวงตา นักขับส่วนใหญ่ นั้นเคลื่อนไหวดวงตาไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเวลาใช้ความเร็ว หรือ เวลาที่อ่อนเพลีย อย่าใช้การ เคลื่อนศรีษะเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งการมอง ใช้เพียงดวงตาเท่านั้น
สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นอันตรายที่สุดสำหรับนักขับ ในภาพนี้คือ รถที่กำลังจะเลี้ยวตัดหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องให้ความสำคัญกับ จักรยานที่อยู่ข้างหน้า คนที่จะ ข้ามถนน และสัญญาณไฟจราจร คุณต้องใช้ความกว้าง ของสายตาจัดการกับสิ่งเหล่านี้ ถ้าคุณฝึกใช้ความกว้าง ของสายตาได้ที่เท่าไหร่ คุณจะยิ่งขับขี่ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
นักขับ Moto Guzzi คันนี้กำลังเตรียมที่จะออก จากโค้งลงเขาแบบวกกลับ สายตาของเขามอง ตรงไปยังทางออกโค้งเพราะว่า เขาได้มองเห็น ในช่วงกลางโค้งที่เข้ามาแล้ว มองกวาดสายตา ไปข้างหน้า ให้เคลื่อนที่สายตาอยู่ตลอด
มองไปข้างหน้า เป็นสิ่งที่ Russell ทำ
ลองมองไปที่ภาพของแชมป์ DAYTONA 200 5 สมัย Scott Russell ขณะเข้าโค้งในสนาม เขาจะหันหน้ามองไปยังทางออกของโค้ง ซึ่งดูไม่เป็นธรรมชาติเลย มีหลายเหตุผลที่ Russell มุ่งจุดสนใจไปยัง ทางออกโค้ง และทุกเหตุผลนั้นดีมาก เรามาเรียนรู้การมองไปข้างหน้าของ Russell กัน
แชมป์ DAYTONA 200 5 สมัย Scott Russell เขาสามารถวิ่งรอบสนาม Daytona ส่วนใหญ่ด้วยเวลาที่สั้นมากแต่ เขาทำให้ทุกอย่างช้าลงได้โดยการมองให้ไกลขึ้น ทุกครั้งที่นักขับตื่นกลัวความเร็ว นั่นหมายความว่า เขามองใกล้เกินไป สายตาของพวกเขามองต่ำห่างจาก ล้อหน้านิดหน่อย จงมองให้เป็นแนวนอนขนานกับพื้น
เหตุผลข้อที่ 1
ยังจำเรื่องรั้วไม้สีขาวได้มั้ย Russell มองไปข้างหน้าเพื่อให้รู้สึกว่าความเร็วนั้นลดลง Russell ลด จำนวนข้อมูลที่เข้ามาสู่ตัวเขาด้วยการมองให้สูงขึ้นและมองให้ไกลที่สุด
บทเรียนบนท้องถนนข้อที่ 1
การขับขี่บนถนนจะต้องปรับปรุงเหตุผลข้อที่ 1 นิดหน่อย เพราะว่าคุณไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะ ไม่มีสิ่งใดอยู่บนนถนน เหมือนกับการขับขี่ในสนาม นักขับจะต้องเรียนรู้ที่จะกวาดสายตาไปมา ตั้งแต่ด้านหน้าของล้อหน้า ไปจนถึงระยะที่ไกลที่สุดที่สายตามองเห็น
เหตุผลข้อที่ 2
การมองไปข้างหน้านั้น จะทำให้การวางแผนการควบคุมรถดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเร่ง ซึ่งคุณจะได้เรียนในบทที่ 5 มีหนทางเดียวที่สมองของ Russell จะสั่งการให้เร่ง คือ เมื่อเขาได้มองเห็น ทางออกจากโค้งแล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่ถึง apex ก็ตาม (apex คือจุดที่นับขับจะอยู่ใกล้ด้านในของขอบทางมากที่สุด)
บทเรียนบนท้องถนนข้อที่ 2
มีหนทางเดียวที่จะทำให้คุณปรับแต่งการควบคุมรถให้ดีขึ้น คือ คุณต้องให้เวลากับตัวเองมากขึ้น
นั่นหมายความว่าต้องมองไปข้างหน้าให้ไกลขึ้น มองไปยังโค้ง มองป้ายหยุดต่างๆ มองหาเนินและหลุม บนนถนน ถ้าคุณมองไม่ไกลพอ คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่าการบังคับรถจะเป็นไปอย่างเร่งรีบไปหมด ทุกอย่างที่ ทำนั้นก็ดูเหมือนจะสายเกินไป คุณจะเจอกับเหตุการณ์ที่คุณน่าจะมองเห็นก่อนหน้านี้ และจัดการมันได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ การขับขี่แบบ smooth นั้นเป็นเป้าหมายสูงสุดของการขับขี่บนถนน และความ smooth นี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณต้องมองให้ไกลและมองให้เป็นภาพใหญ่
เหตุผลข้อที่ 3
วิธีการของ Russell คือ เขาจะกำหนดจุดในการเบรกก่อนที่จะถึงโค้ง จากนั้นเค้าจะละสายตาไปมอง จุดที่เป็น apex และเมื่อรถเริ่มเข้าไปในโค้ง เขาจะละสายตาจาก apex ไปมองหาทางออกโค้ง จากนั้น เค้าก็จะกำหนดจุดที่ต้องเบรกจุดต่อไป มันเป็นลักษณะนิสัยที่จำเป็นสำหรับนักแข่งที่จะต้องกวาด สายตาอยู่ล่วงหน้าจุดที่จะไปถึงตลอดเวลา
บทเรียนบนท้องถนนข้อที่ 3
รูปแบบการมองแบบนักแข่งนั้นเป็นเรื่องที่มีเหตุผลสำหรับนักขับบนถนน ถ้าคุณมองทางเข้า โค้งนานเกินไป คุณอาจจะพลาดในการคำนึงถึงองศาของโค้ง หรือ ก้อนกรวดที่อยู่ในโค้ง ต้องแน่ใจว่า สายตาของคุณเคลื่อนที่อยู่ตลอด ละสายตาจากทางเข้าโค้งมองไปยังช่วงกลางโค้ง มองหาทางออกโค้ง ทำให้สายตาของคุณเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องและควบคุมได้ ยิ่งคุณขับเร็วเท่าไหร่ คุณต้องยิ่งมองไกล ขึ้นเท่านั้น อีกรอบหนึ่ง นักขับบนถนนจะต้องกวาดตามองพื้นถนนเพื่อตรวจสอบว่าพื้นถนนมีสิ่งผิดปกติ หรือไม่ เช่น ทราย กรวด หลุม รอยแตก เนินต่างๆ ในขณะที่นักขับในสนามจะไม่ต้องสนใจสิ่งเหล่านี้ มากนัก
วิเคราะห์ตนเอง
เนื่องจากสายตาเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการขับรถ จึงจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องค้นหาลักษณะ ของการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้อง การขาดทักษะเพียงอย่างเดียวอาจก่อให้เกิด ปัญหาหลายอย่างตามมาดังนี้
- การเข้าโค้งแล้วบานออก ถ้าคุณลองดูภาพ slow motion ของนักขับที่เข้าโค้งแล้วบานออก จะพบว่า สายตาของพวกเขาไม่ได้มองเข้าไปในโค้ง แต่กลับไปล๊อคสายตาอยู่กับ หลุม ก้อนหิน หรือไม่ก็ ไม่ได้มีการมองเข้าไปในโค้งอย่างเพียงพอ อีกครั้งหนึ่ง มองตรงไปข้างหน้า กวาดสายตาตลอดเวลา
- การขับทับสิ่งกีดขวาง การมองแบบล๊อคเป้าหมายคือสาเหตุ การเอาสายตาไปผูกไว้กับบางสิ่ง บางอย่างเช่น หลุมกลางถนน กันชนรถ การมองรถที่เราขับตามอยู่ จงเลิกนิสัยการใช้สายตาแบบนี้
- เปิดคันเร่งช้าเกินไป การเปิดคันเร่ง (นิดหน่อย) ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากออกจากโค้ง เป็นสิ่งสำคัญในการขับขี่ เราจะพูดเรื่องนี้กันในบทที่ 5 แต่สาเหตุที่นักขับส่วนใหญ่ เปิดคันเร่งได้ช้า นั้นมาจากสายตาของพวกเขาเอง พวกเขามองไกลไม่เพียงพอ ไม่ว่าคุณจะเคยขับรถเข้าโค้งมา กี่ครั้ง สมองของคุณต้องการให้สายตาของคุณยืนยันว่าข้างหน้ามีทางออกรออยู่ จากนั้นมือขวา ของคุณถึงจะค่อยๆบิดคันเร่งได้
- รู้สึกถึงความเร็วที่เข้ามาสู่ตัวมาก ปัญหาคือนักขับมองใกล้เกินไป การมองไกลจะทำให้ทุกอย่างดู ช้าลง และทำให้สมองมีเวลาทำงานมากขึ้นในการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้า
- เข้าโค้งด้วยความเร็วที่ช้ามาก การที่คุณเบรกล่วงหน้านานเกินไปนั่นเป็นเพราะว่าคุณต้องการเวลา ที่จะดูว่าข้างในโค้งนั้นมีอะไร โค้งมากน้อยแค่ไหน ทางออกอยู่ตรงไหน ความลับที่จะทำให้คุณเข้า โค้งได้เร็วขึ้นนั่นก็คือ สายตาของคุณนั่นเอง
Tune-up Time
คุณไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดสายตาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าคุณเหมือนคนทั่วๆไป นั่นก็คือ ไปเมื่อแว่นคุณแตก หรือ ไปเมื่อสอบใบขับขี่ตกเพราะว่าตาบอดสี ถ้าเป็นแบบนั้นบางครั้งสายตาของคุณ อาจทำงานได้ไม่เต็มที่เท่าที่มันสามารถทำได้ ในฐานะที่เป็นนักขับ ชีวิตคุณจะขึ้นอยู่กับการมองของคุณ การตรวจสายตาประจำปีจะเป็นก้าวที่สำคัญที่จะยืดเวลาอาชีพนักขับขี่ของคุณ
นักขับบางคนใส่แว่นหรือคอนแทคเวลาขับขี่ แว่นตาอาจทำให้เกิดความยุ่งยากเวลาใส่หมวกกันน๊อค และอาจเป็นอันตรายในกรณีที่รถล้ม เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตา นอกจากนี้ยังมีสิ่งสกปรกหรือฝ้าที่เกิด ขึ้นตอนเวลาฝนตกอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ใส่คอนเทค จะมีปัญหามากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณลมที่เข้ามาในหมวก หนึ่งในนักแข่งที่มีชื่อเสียงมาก ที่ใส่คอนแทค คือ Freddie Spencer เขาจะใช้เทปกาวแปะรอบ ชิลด์กันลม ด้านหน้าของหมวกเพื่อที่จะลดลมที่จะเข้ามาใน หมวก arai ของเขา แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถที่จะทำ ให้คอนแทคอยู่ถูกที่ได้มากนัก เนื่องจากความเครียดในการแข่งขัน เขาจะไม่สามารถกระพริบตาได้อย่างเพียงพอ แต่สำหรับนักขับบนถนนธรรมดาก็จะไม่เป็นปัญหามากนัก
หนทางที่ดีที่สุดสำหรับนับขับที่มีปัญหาด้านสายตา คือ การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ ซึ่งสามารถรักษาได้ ทั้งสายตาสั้น และสายตาเอียง ผมมีประสบการณ์กับการผ่าตัดนี้ในตอนต้นปี 1995 หลังจากแข่งมา 6 ปี ด้วยการใส่แว่นตา มีเหตุการณ์ 2 ครั้งที่ทำให้ผมตัดสินใจไปผ่าตัด ครั้งแรกเมื่อช่วงหน้าฝนปี 1994 ช่วง ที่มีฝนตกจัด แว่นของผมเกิดฝ้าเกือบจะตลอดเวลา ครั้งที่ 2 ผมเกิดอุบัติเหตุรถทดสอบล้มที่เยอรมันนี แว่นตา บาดแก้มผมเป็นรอยลึก ใกล้กับดวงตา หลังจากนั้นสองสามเดือนผมก็ทำการผ่าตัด
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แหล่งข้อมูลสำหรับการผ่าตัดด้วยเลเซอร์ แต่การผ่าตัดนี้เป็นทางออกที่น่า มหัศจรรย์สำหรับนักขับ
บทเรียนจากสนามแข่ง
ความสะอาดคือความชัดเจน นักขับระดับมืออาชีพนั้น จะตรวจสอบความใสสะอาดของชิลด์กันลมของ หมวกกันน๊อคอยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นการเปลี่ยนชิลด์เมื่อพบว่าสกปรกมาก จะต้องมั่นใจว่าชิลด์ใส สะอาด ปราศจากรอยนิ้วมือ
มองให้ล้ำหน้าคู่แข่ง นักแข่งมือใหม่ในที่สุดนั้นจะค้นพบว่า การมองไปที่คู่แข่งที่อยู่ข้างหน้านั้นจะทำให้ พวกเขาทำได้เร็วแค่เท่ากับรถคันหน้า นักแข่งนั้นจะต้องเรียนรู้การมองล้ำหน้าคู่แข่งเพื่อที่จะสามารถแซงได้ ใช้การเหลือบมองเร็วๆ และความกว้างของสายตาควบคุมรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องในสนาม
ทำเลสิกซะ เลิกใช้แว่นและคอนแทค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสนามที่มีฝุ่นหรือฝนตก การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ จะทำให้ไม่ต้องใช้แว่นอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น