วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

Motorcycle Riding Techniques:บทที่ 2 พื้นฐาน : การเบรกและการเลี้ยว



การเรียนรู้ที่จะหยุดและเลี้ยวนั้นจะต้องทำไปตลอดชีวิต แต่สิ่งเหล่านี้แหละที่จะช่วยชีวิตคุณ

          พื้นฐานที่สำคัญของการมีทักษะการขับขี่ที่ดี เริ่มมาจากการเข้าใจพื้นฐานการควบคุมรถเป็นอย่างดี คุณจะต้องเรียนรู้การเบรก การบังคับเลี้ยว ทั้งหมดนี้คือทักษะในการเอาตัวรอดซึ่งคุณจะต้องทำการฝึกอย่างสม่ำเสมอ ลองนึกถึงว่า หากมีรถหักเลี้ยวตัดหน้าคุณกะทันหัน ทักษะการเบรกและการเลี้ยวจะช่วยคุณให้หลบหลีกจากอุบัติเหตุ ซึ่งจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้กับนักขับที่ไม่มีทักษะเหล่านี้ ถึงเวลาแล้วที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ของคุณด้วยทักษะพื้นฐาน 2 อย่างนี้ จงใช้มันไม่ว่าจะเวลาอยู่ในสนามหรือเวลาขับไปทำงาน
          ไม่ว่าจะเป็นในสนามแข่ง หรือ บนทางหลวง ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการเบรกและการบังคับเลี้ยวจะเป็นนักขับที่ดีที่สุด ระบบเบรกเป็นระบบควบคุมที่ทรงพลังที่สุดในรถของคุณ การใช้เบรกอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหนทางที่ทำให้คุณควบคุมความเร็วรถในโค้งได้อย่างแม่นยำ ควบคุมกำลังของรถ ควบคุมการตอบสนองอย่างตื่นตระหนกของคุณ ในสถานการณ์ตึงเครียด ถ้าคุณขาดความเชื่อมั่นในการเบรก จงให้ความสำคัญกับการสร้างความชำนาญในการใช้ระบบเบรกของรถคุณ

การเบรก
            คุณขับเร็วเท่าไหร่? ให้ผมเดาคำตอบคือ ขับไปเรื่อยๆ ตอนเช้าวันอาทิตย์ บนทางเชื่อมจังหวัดเร็วประมาณสัก 130 Km/h และบางช่วงที่ถนนว่างๆ ดูปลอดภัยก็อาจจะขึ้นไปถึง 160 Km/h คำถามต่อมาคือ คุณเคยรู้หรือไม่ว่าต้องใช้ระยะทางเท่าไหร่ที่จะหยุดรถที่ความเร็ว 160 Km/h นิตยสาร Cycle World เคยทำการทดสอบระยะการหยุดรถที่ความเร็ว 96 Km/h รถมอเตอร์ไซค์โดยเฉลี่ยใช้ระยะ 36 เมตร โดยทดสอบบนถนนลาดยางอย่างดี ยางรถถูกอุ่นแล้ว และขับด้วยนักขับที่มีประสบการณ์ คุณเคยฝึกการหยุดรถอย่างกระทันหันในความเร็วรถที่คุณขับขี่เป็นประจำหรือไม่
          ถ้าคำตอบ คือ ไม่ คุณควรฝึกเป็นอย่างยิ่งเพราะว่า ขณะที่คุณขับรถในความเร็วนั้น อาจจะมีวัว เดินข้ามรั้วหรือเดินออกจากฝูงเข้ามาในเลนของคุณ แต่จากหลักฐานต่างๆชี้ชัดว่า นักขับส่วนมากนั้น ถนัดที่จะบิดคันเร่งมากกว่าบีบเบรก การเร่งนั้นง่าย แต่การหยุดนั้นไม่เลย การหยุดอย่างกะทันหันจำเป็นที่จะต้องฝึกอย่างมาก
          ถ้าคุณขับที่ 160 Km/h จงฝึกหยุดที่ 160 Km/h และฝึกให้เป็นส่วนของการฝึกขับขี่ของคุณ มองหาถนนยาวๆโล่ง และค้นหาว่าเบรกของคุณทำอะไรได้บ้าง
          การฝึกเบรกนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการขับขี่ในชีวิตประจำวันของผม เพราะว่าผมต้องขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่หลากหลายมาก จากโรงรถของนิตยสาร ผมรอจนกระทั่งไม่มีรถอยู่ด้านหลังจากนั้นลองเบรก ค่อยๆบีบเบรกในครั้งแรก จากนั้นค่อยบีบแรงขึ้นในขณะที่ความเร็วมากขึ้น ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อคุณได้รู้แล้วว่าต้องใช้ระยะทางเท่าไหร่ในการหยุดรถของคุณที่ความเร็วสูง คุณจะเพิ่มความระมัดระวังเกี่ยวกับ ว่าที่ไหนและเมื่อไหร่ที่ควรจะใช้ความเร็ว

การฝึกหยุด
            เลือกถนนลาดยางโล่งๆ ยาวๆ ใส่ชุดขับขี่ที่ดีที่สุดที่คุณมี จากนั้นทำการฝึก เป้าหมายคือ การหยุดที่สามารถทำซ้ำได้ โดยที่ล้อหน้าและหลังเริ่มที่จะล๊อค ข้อสังเกต คือเมื่อทำการเบรกน้ำหนักรถจะถูกถ่ายไปยังล้อหน้า และถ้าเบรกแรงมาก ล้อหลังจะรับน้ำหนักน้อยมาก บางครั้งอาจะทำให้ล้อหลังลอยขึ้นมาก็ได้ สำหรับรถที่มีฐานล้อยาว น้ำหนักจะกดลงที่ล้อหลังมากขึ้นทำให้สามารถใช้เบรกหลังได้มากขึ้น
  1. เริ่มต้นอย่างช้าๆและระมัดระวัง เริ่มเบรกแบบง่ายๆสัก สองสามครั้ง
  2. จากการศึกษาพบ ว่าการเบรกที่เร็วที่สุดระยะสั้นที่สุดนั้นมาจาก การเบรกโดยใช้ทั้งเบรกหน้าและเบรกหลัง นักขับขี่รถแข่งบางคน ไม่เคยใช้เบรกหลังเลยเนื่องจากกลัวล้อล๊อค หรือ มีความเชื่อผิดๆว่าเบรกหลังนั้นไม่ช่วยให้เบรกดีขึ้น จำไว้ว่าเบรกหลังนั้นสามารถใช้ได้ แต่อย่าใช้อย่างผิดๆ ผู้ผลิตบางบริษัทนั้น ทำเบรกหลังมาดีเกินไปจนเบรก สามารถล๊อคล้อรถได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเบรกหน้าอย่างรุนแรง น้ำหนักถ่ายไปยังด้านหน้ามาก มีน้ำหนักลงที่ล้อหลังน้อยมาก จงฝึกการใช้เบรกโดยที่ล้อไม่ล๊อค
  3. ใช้นิ้ว 2 นิ้ว คือ นิ้วชี้และนิ้วกลาง วางบนคันเบรกและใช้ในการเบรก การกำคันเบรก ไม่เพียงแต่จะทำให้เบรกแรงเกินไป แต่ยังทำให้การเลี้ยงคันเร่ง การควบคุมคันเร่งทำได้ไม่เต็มที่อีกด้วย
  4. บีบเบรก ไม่ใช่ กำเบรก บีบให้เหมือนกับเวลาที่เหนี่ยวไกปืน ห้ามกำเบรก การกำเบรกจะทำให้เกิดแรงกดมหาศาลที่โช๊คหน้า ส่งผลให้ล้อหน้าไถลหรือไม่ก็ล้อหลังยกขึ้น ทำการฝึกโดยหาจุดที่ล้อหน้าเริ่มจะล๊อค ถ้าคุณทำล้อหน้าล๊อคโดยบังเอิญ รีบปล่อยเบรกทันที ให้ล้อหมุน เพราะว่ารถมีโอกาสล้มได้ง่ายมาก ถ้าล้อหน้าล๊อค
  5.  ฝึกการวางนิ้วบนคันเบรกให้เป็นนิสัย ในทุกครั้งที่ไม่ได้บิดคันเร่งมากๆ เช่น การขับขี่ในเมือง หรือการลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง การวางนิ้วบนคันเบรกจะช่วยลดเวลาในการเบรก
  6. ทดลองใช้แรงกดบนแป้นเบรกหลัง อย่าเหยียบแบบย้ำๆ ค่อยๆกดแป้นเบรกอย่างนุ่มนวล จนกระทั่ง คุณเริ่มได้ยินเสียงจากยางหลัง ก่อนที่ล้อจะล๊อคหรือเกิดอาการเลื้อยหรือท้ายปัด การที่ล้อหลังล๊อคในระยะเวลาสั้นๆ นั้นไม่เป็นปัญหามากนัก และบางครั้งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก การจัดการกับปัญหาล้อหลังล๊อคนั้นทำได้ 2 วิธี คือ ปล่อยให้มันล๊อคต่อไป และใช้การบังคับแฮนด์ช่วยให้รถตั้งตรง หรือ อีกวิธีหนึ่งคือ ปล่อยเบรกทันทีเมื่อล้อหลังล๊อค ให้ล้อหลังกลับมาหมุนอีกครั้ง แต่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินจริงๆ คุณอาจจะไม่มีเวลามานั่งคิดถึงการปล่อยเบรกเพื่อให้ล้อหมุน ดังนั้นจึงควรจะฝึกแบบให้ล้อหลังล๊อคและใช้แฮนด์ช่วยให้รถตั้งตรงจะดีกว่า
 
จากภาพนี้ดูเหมือนว่านายแบบของเราจะทำมากเกินไปนิดนึง แต่เขาก็ได้เลือกถนนที่โล่งๆปลอดภัยเพื่อทำการฝึกเบรก และ ใส่ชุดป้องกันแบบเต็มพิกัด จงฝึกในที่ที่ไม่มีใครรบกวน และฝึกให้มากๆ
นี่เป็นเส้นทางที่คุณรอคอยจะเจอ หรือ เป็นเส้นทางที่คุณกลัว ป้ายบอกทางนี้เป็นป้ายที่บอกว่าทางข้างหน้ามีความสนุกและความท้าทายสำหรับนักขับที่สามารถควบคุมรถได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณขาดทักษะพื้นฐาน ป้ายบอกทางนี้จะบอกว่าทางข้างหน้าเป็นปัญหาสำหรับคุณแน่นอน












นี่คือนักขับที่มีทักษะการเบรกที่ชี่ยวชาญมาก เขามีเวลาที่จะมองกล้องในขณะที่กำลังจะตีลังกา Ducati ของเขา ฝึกทักษะการขับขี่ที่ได้อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้ ในทุกๆนาทีของการขับขี่ทุกครั้ง และเมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น คุณจะสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นได้อย่างถูกต้อง






คันเบรกหน้าจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ การฝึกเป็นประจำและสม่ำเสมอเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ ใช้เบรกเป็นเหมือนเครื่องควบคุมความเร็วที่ปรับระดับได้ ไม่ใช่ใช้เหมือนกับ สวิทซ์ปิด-เปิด จงบีบเบรก อย่ากำเบรก







นักขับท่านนี้กำลังจะประสบอุบัติเหตุ เหมือนอย่างเช่นนักขับทั่วไป ซึ่งเป็นลักษณะที่เจอกันมากที่สุด เริ่มจากเข้าโค้งด้วยความเร่งรีบเกินไป จากนั้นเริ่มรู้สึกว่ารถไม่สามารถดึงเข้าโค้งอย่างที่ต้องการและด้วยความตกใจจึงจิ้มเบรกหลังทำให้ท้ายกวาด การศึกษาและการฝึกจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
ชัดๆกับการเลี้ยว
            การอธิบายว่า จะทำอย่างไรถึงจะเลี้ยวบ่อยครั้งที่จะทำให้สับสนมากกว่าที่คุณจะค้นพบวิธีการเลี้ยวด้วยตัวเอง ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการคิดค้นคำว่า Countersteering เพื่อจะอธิบายเกี่ยวกับการเลี้ยวของ ยานยนต์ 2 ล้อ กล่าวคือ เมื่อคุณดันแฮนด์ซ้ายเพื่อที่จะหันล้อไปทางด้านขวา แรงเฉื่อยของรถจะทำให้รถเอียงไปทางด้านซ้าย เข้าใจมั้ยครับ? พูดให้ง่ายก็คือให้ดันแฮนด์ไปในทางที่คุณจะไป เลี้ยวซ้าย ดันแฮนด์ซ้าย เลี้ยวขวาดันแฮนด์ขวา ถ้าคุณสามารถขี่มอเตอร์ไซค์ หรือ จักรยานได้ คุณต้องเคย Countersteering มาแล้ว
          เมื่อคุณได้เรียนรู้และฝึกวิธีการ Countersteering แล้ว มันจะทำให้คุณสามารถต่อยอดการฝึกในรูปแบบอื่นๆได้อย่างดี นักออกแบบตัวถังรถส่วนใหญ่พยายามที่จะพัฒนาความรู้สึกในการเลี้ยว ปรับสมดุลในการหมุนแฮนด์เพื่อที่จะให้รถสามารถเลี้ยวได้อย่างที่ต้องการ แต่ไม่ว่าคุณจะขี่รถประเภทไหน การบังคับควบคุมรถอย่างสมบูรณ์แบบของคุณที่ผ่านไปยังแฮนด์นั้น สามารถบังคับให้รถวิ่งได้อย่าง นิ่งคงที่ หรือ หักเลี้ยวกะทันหัน ได้อย่างดี และเมื่อคุณมีพื้นฐานการ Countersteering ที่ดีแล้ว จะมีเทคนิคการเลี้ยวขั้นสูงที่จะเพิ่มการควบคุมและความมั่นใจในการเลี้ยวรอคุณอยู่

เลี้ยวโดยใช้แฮนด์
            หนังสือเล่มนี้มุ่งหวังให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถได้ดีขึ้น ดังนั้น Countersteering การดันและดึงจะถูกเสริมโดยทักษะการเลี้ยวแบบเฉียบคมอื่นๆ และทำงานร่วมกัน แต่ก่อนที่จะพูดถึงเทคนิคการเลี้ยวแบบขั้นสูงที่จะนำเสนอในบทที่ 4 คุณจำเป็นที่จะต้อง Countersteering ให้ชำนาญเสียก่อน เรียนรู้ที่จะเลี้ยวด้วยการดันและดึงแฮนด์
          ในบทนี้เรากล่าวถึงพื้นฐานการเบรกและเลี้ยว จงอย่างใส่ใจกับ ความเร็ว รูปแบบ หรือ การใช้ประโยชน์จากระบบช่วงล่าง มุ่งความสนใจไปที่ตนเอง ฝึกทักษะการเบรกและการเลี้ยวของคุณให้ชำนาญ ถ้าหากคุณไม่สามารถเลี้ยวและเบรกได้ คุณก็ไม่สามารถขับรถได้


บทเรียนจากสนามแข่ง
            รับรู้การปรับระดับการเบรก ความรู้สึกในการเบรกเป็นสิ่งสำคัญมากกว่ากำลังของเบรก เพราะว่านักแข่งจะเบรกแรงในช่วงโค้งเมื่อจำเป็นเท่านั้น การเบรกแบบนี้เรียกว่า trail-braking (เบรกในขณะที่รถกำลังเอียงเข้าโค้ง) เราจะกล่าวถึงเรื่องนี้ในบทที่ 6 จงเลิกคิดว่าเบรกเป็นสวิทซ์ on off ใช้มันเป็นเครื่องปรับความเร็วของรถคุณ
          ทำความสะอาดจานดิสก์ ทีมแข่งจะใช้ น้ำยาล้างหน้าสัมผัส ที่ใช้กับอิเล็กทรอนิกส์ มาล้างจานดิสก์ บางครั้งก็ใช้การยิงทรายเพื่อกำจัดเศษหิน กรวด ที่ติดอยู่ที่หน้าดิสก์
          เบรกหลังให้น้อยจะได้อะไรที่มากกว่า สำหรับรถแข่งนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ล้อหลังจะต้องไม่ล๊อคเด็ดขาด แต่อย่าเข้าใจผิด นักแข่งที่ดีที่สุดนั้น จะใช้เบรกหลังอย่างต่อเนื่อง นักแข่งระดับโลกอย่าง Mick Doohan ยังต้องทำคันเบรกหลังพิเศษโดยใช้นิ้วหัวแม่มือควบคุม เมื่อเวลาขาขวาของเค้าเจ็บ
          เปลี่ยนน้ำมันเบรก ทีมแข่งนั้นจะทำการเปลี่ยนน้ำมันเบรกบ่อยๆ เพราะว่าความร้อนและความชื้นจะทำให้จุดเดือดของน้ำมันเบรกลดลง เปลี่ยนน้ำมันเบรก 3 ครั้งต่อปี ถ้าคุณใช้รถตลอดทั้งปี ปิดขวดน้ำมันเบรกให้แน่นอย่าให้อากาศเข้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น